สำหรับชาวฝรั่งเศสรถซีตรอง 2CV ไม่ใช่รถ แต่เป็นวิถีชีวิต

ชาวเยอรมันมีโฟล์กเต่า ชาวอังกฤษมีรถมินิ ชาวฝรั่งเศสก็มีซีตรอง 2CV เป็นเหมือนรถประจำชาติเลยทีเดียว
ในปี 1936 Jean Boulanger และ Pierre Michelin ผู้บริหารของซีตรองได้ขอให้ทีมวิศวกรออกแบบรถที่มีขนาดเล็ก ขับง่ายและประหยัด ที่สำคัญคือต้องนั่งสบาย ต้องมีระบบช่วงล่างที่นุ่มนวล ชนิดที่ว่ามีตระกร้าไข่วางในรถแล้ววิ่งผ่านทุ่งนาโดยไม่ทำให้ไข่แตกนั่นเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้มีการสุมหัวกันของวิศวกรซีตรองอยู่ 3 ปี ก็ได้รถต้นแบบหน้าตาแปลกๆ ออกมา โดยการออกแบบของทีมงานคนหนึ่งคือ Deux Chevaux รถคันนี้มีตัวถังอลูมิเนียม ระบบช่วงล่างทำด้วยโลหะแมกนีเซียมที่มีน้ำหนักเบา มีไฟหน้าเพียงดวงเดียว ที่ปัดน้ำฝน 1 ก้านต้องใช้มือหมุน เครื่องยนต์ 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ สตาร์ทโดยใช้มือหมุน

แต่ไม่ทันได้เปิดตัวต่อสาธารณชน สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เกิดขึ้นในปี 1939 งานปารีสมอเตอร์โชว์ในปีนั้นก็ถูกยกเลิกและในระหว่างที่ถูกยึดครองโดยเยอรมันนี Boulanger ก็ยังคงสานต่องานของ 2CV กับทีมวิศวกรของเขา ถึงแม้ว่าวัตถุดิบต่างๆ จะขาดแคลนเนื่องจากสงคราม
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันเริ่มหายาก รถซีตรองคันนี้เริ่มได้รับความสนใจจากทีมงานผู้ผลิต เนื่องจากคุณลักษณะของ 2CVที่เข้ากันใด้กับสภาพความเป็นอยู่ของชาวฝรั่งเศส และเหตุการณ์ในยุคหลังสงคราม
รถ 2CV จึงได้รับการปรับปรุง จากเครื่องยนต์ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ เปลี่ยนมาเป็นระบายความร้อนด้วยอากาศ ตัวถังและช่วงล่างก็เปลี่ยนใช้เหล็กกล้า ไฟหน้าเพิ่มเป็น 2 ดวง ที่ปัดน้ำฝนเพิ่มเป็น 2 ก้าน และเปลี่ยนห้องเกียร์ใหม่
ในที่สุดหลังจากการออกแบบและปรับปรุงมากว่า 10 ปี 2CV ก็ได้ปรากฏโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานปารีสมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 35 ปี 1948 โดยในวันที่ 7 ตุลาคม Boulanger ประธานบริษัทซีตรองและ Vincent Auriol ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็ได้เปิดโฉม Citroen 2CV ซึ่งเป็นรถหน้าตาประหลาดทำความขบขันให้กับผู้คนในยุคนั้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ถูกใจคนฝรั่งเศสมาก เนื่องจากการออกแบบที่ชาญฉลาดและราคา 185,000 ฟรังซ์ ก็เป็นราคารถที่ถูกที่สุดในตลาดรถตอนนั้น

รถ 2CV ที่ออกจำหน่ายในปี 1948 เรียกชื่อรุ่นว่า Model A ใช้เครื่องยนต์
375 cc
ปี 1954 2CV เรียกชื่อรุ่นว่า AZ เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ 425 cc.
ปี 1956 ก็ออกรุ่นพิเศษ ตัวถังอลูนิเนียม เรียกชื่อรุ่นว่า AZL จากนั้นก็มีการปรับปรุงรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายครั้ง เช่น รุ่น AZLP, AZAM จนกระทั่งในปี 1990 วันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 16.00 น. (เวลา GMT) ซีตรอง 2CV คันสุดท้ายได้ผลิตขึ้นมา ในโรงงานที่ประเทศโปรตุเกส รวมระยะเวลาในการผลิตมากกว่า 40 ปี จำนวนที่ผลิตทั่วโลก 7,301,278 คัน ฃีตรอง2CV ประสบความสำเร็จและขายดีมาก บางครั้งผู้ซื้อต้องรอนานถึง 5 ปีกว่าจะได้เป็นเจ้าของรถฃักคันหนึ่งและ มูลค่าของรถ 2CV ไม่เคยตก

Citroen 2CV กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฝรั่งเศสเช่นเดียวกับไวน์แดง, ขนมปังบาร์แกต, หอไอเฟล
รถ Citroen 2CV ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดในเรื่องของการแล่นตลุยไปได้ในสภาพภูมิประเทศแบบต่างๆ ตั้งแต่ทะเลทราย ภูเขาสูง ลุยน้ำ ลุยโคลน รวมทั้ง การเดินทางไกล อย่างเช่น ในปี 1953-1954 Jacques Comet และ Henri Lochon ได้เดินทาง 52,000 กิโลเมตรจากอเมริกาเหนือสู่อเมริกาใต้, แอฟริกา, สเปน และฝรั่งเศส
ในปี 1958 นักศึกษา 2 คน Jean Baudot และ Jacques Seguiela ได้เดินทางด้วย 2CV รอบโลกเป็นระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตร นอกจากนั้นก็ก็ยังมีการแข่งขันรายการใหญ่ๆ หลายรายการ เช่น การแข่ง The Raid Paris-Kaboul-Paris ในปี 1970

ปี 1971 มีการแข่งขัน The Raid Paris-Persepolis-Paris มีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 1,300 คน ด้วยระยะทาง 13,500 กิโลเมตร มีรถ Citroen 2CV เข้าร่วมแข่งขันถึง 467 คัน ดังเช่นรถเหล็กคันที่นำมาให้ชมกันในสัปดาห์นี้ก็เป็นคันหนึ่งที่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ รถ 2CV คันนี้ (รถจริง) เป็นรุ่นที่ผลิตในปี 1952


รถเหล็ก 2CV คันนี้ มีความยาว 21 เซนติเมตร อัตราส่วน 1:18 สีเหลืองสกรีนข้างรถสไตส์รถแข่ง และระบุว่าเป็นการแข่ง Raid 1971 Paris-Persepolis-Paris ฝากระโปรงหน้าเปิดได้มีเครื่องยนต์ภายใน ประตูสองข้างเปิด-ปิดได้ หลังคาด้านบนทำด้วยยางเปิดและถอดออกได้ เบาะที่นั่งหุ้มด้วยผ้าจริง พวงมาลัยมีกลไกไปหมุนล้อให้เลี้ยวซ้าย-ขวาได้ ระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ เคลื่อนไหวได้เหมือนรถจริงทั้ง 4 ล้อ
รถคันนี้ผลิตโดย Maisto ไม่ระบุปีที่ผลิต (น่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ปีมาแล้ว) และที่น่าภูมิใจคือ ผลิตโดยผู้ผลิตดั้งเดิมในประเทศไทยครับ
|